• ปรับขนาด
    ตัวอักษร
 
ข่าวจาก facebook
โรคอุบัติใหม่!! #กาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness ; AHS)
19 ตุลาคม 2563
#กาฬโรคแอฟริกาในม้า (African Horse Sickness ; AHS) เกิดจากเชื้อไวรัสกาฬโรคแอฟริกาในม้า ซึ่งเป็นเชื้อไวรัส และเชื้อไวรัสชนิดนี้มีทั้งหมด 9 ซีโรไทป์ ไวรัส AHS สามารถติดต่อในสัตว์ตระกูล Equids ได้แก่ ม้า ลา ล่อ และม้าลาย โดยม้ามีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 95 ในล่อมีอัตราการตายร้อยละ 50 ในลามีอัตราการตายร้อยละ 10 และพบการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการในม้าลาย ซึ่งเป็นสัตว์พาหนะโดยธรรมชาติของโรค #การติดต่อ โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อระหว่างคนและสัตว์ ไม่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงจากม้าสู่ม้าได้ แต่จำเป็นต้องผ่านแมลงดูดเลือด โดยพาหะนำโรคทางชีวภาพที่สำคัญของโรคนี้คือริ้น Culicoides spp เมื่อริ้นดูดเลือดม้าที่มีการติดเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ไวรัสจะเพิ่มจำนวนในริ้น และมาอยู่บริเวณต่อมน้ำลายเพื่อส่งผ่านเชื้อต่อเมื่อไปดูดเลือดม้าตัวอื่น #ระยะฟักตัวและอาการทางคลินิก การติดเชื้อตามธรรมชาติมีระยะฟักตัว 2 - 21 วัน โดยทั่วไปมักแสดงอาการหลังรับเชื้อภายใน 9 วัน ซึ่งอาการแบบ Cardiac Form จะใช้เวลาในการพัฒนาโรคนานกว่าอาการแบบ Pulmonary Form ทั้งนี้ความรุนแรงของโรคขึ้นกับปริมาณเชื้อและชนิดของสัตว์ สามารถแบ่งออกได้ 4 รูปแบบ แบบเฉียบพลันรุนแรง (Pulmonary Form) ม้ามีไข้สูงหลังจากนั้น 1 – 2 วัน พบความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง อัตราการตายสูงถึง 95% แบบกึ่งเฉียบพลัน (Cardiac Form) เริ่มจากม้ามีไข้ พบเลือดคั่งบริเวณเยื่อเมือก บวมน้ำบริเวณขมับเหนือตา หน้า คอ ไหล่ หน้าอก ม้าจะตายเพราะภาวะหัวใจล้มเหลว แบบเฉียบพลัน (Mixed Form) ม้ามีอาการร่วมกันทั้ง Pulmonary Form และ Cardiac Form และมักจะตายภายใน 3 - 6 วัน หลังแสดงอาการ อัตราการตายสูงกว่า 70% แบบไม่รุนแรง (Horse Sickness Fever) มักพบในลา ม้าลาย มักพบมีไข้ต่ำ ซึม เบื่ออาหาร อาการเลือดคั่งบริเวณเยื่อเมือก การบวมน้ำ บริเวณขมับ เหนือตา และเยื่อบุตา สัตว์มักจะหายจากอาการป่วยภายใน 5 – 8 วัน หลังแสดงอาการ #การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจหาชิ้นส่วนสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real Time RT – PCR โดยเก็บตัวอย่างเลือดและซีรั่มจากสัตว์ป่วย เก็บในหลอดที่มีสารป้องกันการแข็งตัวของเลือดชนิด EDTA #การควบคุมและป้องกันโรค เพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายม้า ลา ล่อ ม้าลาย และซาก โดยประกาศเขตเฝ้าระวังโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้า เตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ เครื่องมือ และบุคลากร ให้มีความชำนาญในการตรวจวินิจฉัยโรค ส่งเสริมความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรค AHS โดยประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนและเกษตรกร เน้นย้ำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ การควบคุมแมลงพาหะ โดยเก็บม้าในคอกที่คลุมด้วยมุ้งขาวความถี่ 32 ตาต่อตารางนิ้ว และพ่นน้ำยาฆ่าแมลง เช่น Etofenprox Cypermethrin Pyrethroid เป็นระยะ